2016.06.22 21:45
UPDATED – Final 2017 version, as announced in the Government Gazette – in Thai and English
—-
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. – ต้นฉบับภาษาไทย (ฉบับวันที่ 26 เม.ย. 2559) และฉบับแปลภาษาอังกฤษอย่างไม่เป็นทางการ
Computer-related Crime Act (No ..) B.E. …. Draft – Original Thai (26 April 2016 revision) and its unofficial English translation
ฉบับแปลภาษาอังกฤษโดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทยและเครือข่ายพลเมืองเน็ต คำแปลบางส่วนจากฉบับแปลของพ.ร.บ.ปี 2550 โดยคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ
English translation by Amnesty International Thailand and Thai Netizen Network, based on the 2007 Act translation by Campaign for Popular Media Reform
ดู 12 ข้อเสนอแก้ไขร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่างทดลองเสนอ จากเครือข่ายพลเมืองเน็ตประกอบ
ภาษาไทย (Thai) | ภาษาอังกฤษ (English) | หมายเหุต (Notes) |
---|---|---|
มาตรา 1
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….” |
Section 1.
This Act shall be called the “Computer-related Crime Act (No. ..) B.E. ….”. |
|
มาตรา 2
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด |
Section 2.
This Act will come into force |
|
มาตรา 3
ในพระราชบัญญัตินี้ |
Section 3.
In this Act, |
|
มาตรา 4
ให้รัฐมนตรีว่าการ กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ |
Section 4.
The A Ministerial Regulation and Notification shall be enforceable upon its publication in the Government Gazette. |
|
หมวด 1 ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ |
Chapter 1 Computer-related offenses |
|
มาตรา 5
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 5.
Any person who illegally accesses a computer system for which a specific access prevention measure that is not intended for their own use is available shall be subject to imprisonment for no longer than six months or a fine of not more than ten thousand baht or both. |
|
มาตรา 6
ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 6.
Any person knowing of a measure to prevent access to a computer system specifically created by a third party illegally discloses that measure in a manner that is likely to cause damage to the third party, then they shall be subject to imprisonment for no longer than one year or a fine of not more than twenty thousand baht or both. |
|
มาตรา 7
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 7.
Any person who illegally accesses computer data, for which there is a specific access prevention measure not intended for their own use available, then he or she shall be subject to imprisonment for no longer than two years or a fine of not more than forty thousand baht or both. |
|
มาตรา 8
ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 8.
Any person who illegally commits any act by electronic means to eavesdrop a third party’s computer data in process of being sent in a computer system and not intended for the public interest or general people’s use shall be subject to imprisonment for no longer than three years or a fine of not more than sixty thousand baht or both. |
|
มาตรา 9
ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 9.
Any person who illegally damages, destroys, corrects, changes or amends a third party’s computer data, either in whole or in part, shall be subject to imprisonment for no longer than five years or a fine of not more than one hundred thousand baht or both. |
|
มาตรา 10
ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 10.
Any person who illegally commits any act that causes the working of a third party’s computer system to be suspended, delayed, hindered or disrupted to the extent that the computer system fails to operate normally shall be subject to imprisonment for no longer than five years or a fine of not more than one hundred thousand baht or both. |
|
มาตรา 11
ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์สามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้ อันเป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้รับ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท รัฐมนตรีอาจประกาศกำหนดแนวทางเกี่ยวกับลักษณะและวิธีการส่ง และลักษณะและปริมาณของข้อมูล ความถี่และวิธีการของการส่ง ซึ่งไม่ถือเป็นการก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้รับได้ |
Section 11.
Any person who sends computer data or electronic mail to another person and covering up the source of such aforementioned data in a manner that disturbs the other person’s normal operation of their computer system shall be subject to a fine of not more than one hundred thousand baht. Any person who sends computer data or electronic mail to another person without an opt-out clause in order that the person may deny the reception or express their intent to not receive the data or electronic mail and such data and electronic mail is found to disturb the recipient, must be subject to a fine not exceeding two hundred thousand baht. The Minister may issue a procedural rule to specify the nature and method of sending and the nature and volume of the data sent and the frequency and method of sending, which are deemed not to cause disturbance to the recipient.” |
|
มาตรา 12
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 11 เป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท |
Section 12.
If the commission of an offense under Section 5, or 6, or 7, or 8 or 11 that is an act upon computer data or a computer system related to the maintenance of national security, public safety and national economic security or public infrastructure serving public interest, the offender shall be subject to imprisonment from one year up to seven years and a fine of twenty thousand baht up to one hundred and forty thousand baht. If the commission of such offense under paragraph one has caused damage to computer data or a computer system related to the maintenance of national security, public safety and national economic security or public infrastructure serving public interest, the offender shall be subject to imprisonment from one year up to ten years and a fine of twenty thousand baht up to two hundred thousand baht. |
|
มาตรา 12/1
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท |
Section 12/1.
If the commission of an offense under Section 9 or 10 has rendered a harmful effect on other persons or their property, regardless if the damages have taken place immediately or after or concurrently, the offender shall be subject to imprisonment not more than ten years and a fine of two hundred thousand baht. |
|
มาตรา 12/2
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 เป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท |
Section 12/2.
If the commission of an offense under Section 9 or 10 that is an act upon computer data or a computer system related to the maintenance of national security, public safety and national economic security or public infrastructure serving public interest, the offender shall be subject to imprisonment from three years up to fifteen years and a fine of sixty thousand baht up to three hundred thousand baht. |
|
มาตรา 12/3
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง มาตรา 12/1 หรือมาตรา 12/2 โดยมิได้มีเจตนาฆ่า แต่เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท |
Section 12/3.
If the commission of an offense under Section 12 (1) or Section 12/1, albeit without intent to kill, has resulted in the death of a person, the offender shall be subject to imprisonment from five years up to twenty years and a fine of one hundred thousand baht up to four hundred thousand baht. |
|
มาตรา 13
ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 หรือมาตรา 11 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง มาตรา 12/1 หรือมาตรา 12/2 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 หรือมาตรา 11 หากผู้นำไปใช้ต้องรับผิดตาม มาตรา 12 มาตรา 12/1 มาตรา 12/2 หรือมาตรา 12/3 ผู้จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งดังกล่าวจะต้องรับผิดทางอาญาตามความผิดที่มีกำหนดโทษสูงขึ้นด้วย ก็เฉพาะเมื่อตนได้รู้หรืออาจเล็งเห็นได้ว่าจะเกิดผลเช่นที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 12/2 หากผู้นำไปใช้ต้องรับผิดตามมาตรา 12 มาตรา 12/1 มาตรา 12/2 หรือมาตรา 12/3 ผู้จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งดังกล่าวต้องรับผิดทางอาญาตามความผิดที่มีกำหนดโทษสูงขึ้นนั้นด้วย ในกรณีที่ผู้จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งผู้ใดต้องรับผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง และตามวรรคสามหรือวรรคสี่ด้วย ให้ผู้นั้นต้องรับโทษที่มีอัตราโทษสูงที่สุดแต่กระทงเดียว |
Section 13.
Any person who sells or disseminates set of instructions developed as a tool used in committing an offense under Section 5, Section 6, Section 7, Section 8, Section 9, Section 10 and Section 11 shall be subject to imprisonment for not more than one year or a fine of not more than twenty thousand baht, or both. Any person who sells or distributes a set of instruction specifically designed as a tool for the commission of an offense under Section 12 (1) or Section 12/1 shall be subject to imprisonment not exceeding two years or a fine not exceeding forty thousand baht, or both. Any person who sells or distributes a set of instruction specifically designed as a tool for the commission of an offense under Section 5, or 6, or 7, or 8, or 9, or 10 or 11 and if the person who has put it to use is found culpable as to Sections 12, 12/1, 12/2 or 12/3, the person who sells or distributes such a set of instruction shall receive a higher penalty rate, only if they had been aware or could have foreseen such a result. Any person who sells or distributes a set of instruction specifically designed as a tool for the commission of an offense under Sections 12, 12/1 or 12/2, or 12/3 and if the person who has put it to use is found culpable as to Section 12, or 12/1, or 12/2, the person who sells or distributes such a set of instruction shall receive a higher penalty rate. If a person who sells or distributes the set of instruction is found guilty as per paragraph one, or two and paragraph three or four as well, the person shall be sentenced to the highest penalty rate for one count. |
|
มาตรา 14
ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง (1) มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผู้กระทำ ผู้เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้เป็นความผิดอันยอมความได้ |
Section 14.
Any person who commits the following offenses shall be subject to imprisonment up to five years and a fine not exceeding one hundred thousand baht, or both: If the offense under paragraph one (1) has not been committed against the public, but an individual, the actor, the distributor or the sender of the computer data shall be subject to imprisonment not exceeding three years and a fine not exceeding sixty thousand baht up, or both, and it is a compoundable offense. |
|
มาตรา 15
ผู้ให้บริการผู้ใด ให้รัฐมนตรีออกประกาศกำหนดขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ถ้าผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่าตนได้ปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามวรรคสอง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ |
Section 15.
Any service provider who The Minister shall issue a procedural rule regarding the notification and the request for suppression of the dissemination of such data and the removal of such data from a computer system. If the service provider is able to prove a compliance to such procedural rule issued by the Minister as per paragraph two had been made, they shall be exempted from penalty. |
|
มาตรา 16
ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำต่อภาพของผู้ตาย และการกระทำนั้นน่าจะทำให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ผู้กระทำต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองเป็นการนำเข้า ความผิดตามวรรคหนึ่งและวรรคสองเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย |
Section 16.
Any person who imports into a publicly accessible computer system of computer data that will appear as an image of other person and the image has been created, edited, appended, or adapted by electronic means or whatsoever means, and by doing so it is likely to impair the reputation of such other person or to expose such other person to hatred or contempt, shall be subject to imprisonment not exceeding three years If the commission of such act in paragraph one was made against images of a deceased person and by doing so, it is likely to impair the reputation of such person’s parents, spouses or children or to expose them to hatred or contempt shall be subject to imprisonment applicable in paragraph one. If the commission of such act in paragraph one or paragraph two was made in good faith by way of fair comment on any person or thing subjected to public criticism, the person shall not be guilty. An offense under paragraph one and paragraph two shall be a compoundable offense. If a party injured by an offense under paragraph one or paragraph two has died before filing a complaint, then their parents, spouse or children may file a complaint and shall be deemed to be the injured party. |
|
มาตรา 16/1
ในคดีความผิดตามมาตรา 16 ซึ่งมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ศาลอาจสั่ง |
Section 16/1.
As to the offense under Section 16 based on which the accused has been found guilty by the Court, the Court may give order |
|
มาตรา 16/2
ผู้ใดรู้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในความครอบครองของตนเป็นข้อมูลที่ศาลสั่งให้ยึดและทำลายตามมาตรา 16/1 ผู้นั้นต้องทำลายข้อมูลดังกล่าว หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 16 |
Section 16/2.
Any person who is aware that electronic data in one’s possession is the data ordered for seizure and destruction as to Section 16/1, the person is obliged to destroy such data. Any violation shall result in the person having to serve half of the penalty as provided for by the law in Section 16. |
Thailand’s draconian cyberlaws tipping toward totalitarian |
มาตรา 17
ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ |
Section 17.
Any person who commits an offense against this Act outside the Kingdom and |
|
มาตรา 17/1
บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียวหรือมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสองปี ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้ คณะกรรมการเปรียบเทียบที่รัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งให้มีจำนวนสามคนซึ่งคนหนึ่งต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อคณะกรรมการเปรียบเทียบได้ทำการเปรียบเทียบกรณีใดและผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามคำเปรียบเทียบภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรียบเทียบกำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีนั้นเป็นอันเลิกกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในกรณีที่ผู้ต้องหาไม่ชำระค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้เริ่มนับอายุความในการฟ้องคดีใหม่นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว |
Section 17/1.
For all the offenses in the Act which sanction only a fine or an imprisonment not exceeding two years, the Settlement Committee appointed by the Minister shall have the power to settle the case. The Settlement Committee appointed by the Minister in paragraph one shall be consisted of three persons, one of whom has to be an inquiry official according to the Criminal Procedure Code. After the Settlement Committee has decided to settle any case and the alleged offender has paid up the settlement sum within the time fixed by the Settlement Committee, such case shall be settled as per the Criminal Procedure Code. If the alleged offender fails to pay the settlement sum within the time, the case shall be proceeded and the statute of limitations for the new indictment shall be counted from the deadline of the settlement payment. |
|
หมวด 2 พนักงานเจ้าหน้าที่ |
Chapter 2 Competent Officials |
|
มาตรา 18
ภายใต้บังคับมาตรา 19 เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือในบรรดาความผิดอาญาต่อกฎหมายอื่นซึ่งได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหรือเป็นส่วนหนึ่งในการกระทำความผิด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนของพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในบรรดาความผิดอาญาต่อกฎหมายอื่นซึ่งได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหรือเป็นส่วนหนึ่งในการกระทำความผิด พนักงานสอบสวน อาจร้องขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่งดำเนินการตามวรรคหนึ่ง (2) (3) (4) (5) (6) (7) หรือ (8) ก็ได้ ให้ผู้ได้รับการร้องขอจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ดำเนินการตามคำร้องขอโดยไม่ชักช้า แต่ต้องไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย |
Section 18.
With the enforcement of Section 19 and for the benefit of an investigation, if there is reasonable cause to believe that there is the perpetration of an offense under this Act, or other criminal offenses per the other laws have been committed with the aid of a computer system, computer data or a computer storage device, the competent official shall have any of the following powers necessary for the acquisition of evidence to prove the wrongdoing and to identify the perpetrators: For the benefit of the investigation of inquiry official per the Criminal Procedure Code, as to all criminal offenses per the other laws which have been committed with the aid of a computer system, computer data or a computer storage device, the inquiry official may request for help from the competent official to act as per paragraph one (2), (3), (4), (5), (6), (7), or (8). The person requested for help by the competent official as per paragraph one (1), (2), and (3) shall without delay act as requested, but not after seven days since the request has been received, save for some force majeure. |
|
มาตรา 19
การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็ว เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐาน การทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 18 (4) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา 18 (8) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้วพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง |
Section 19.
The power of authority of the competent official under Section 18 (4), (5), (6), (7) and (8), is given when that competent official files a petition to a Court with jurisdiction for a writ to allow the competent official to take action. However, the petition must identify a reasonable ground to believe that the offender is committing or going to commit an offense under the Act as well as the reason of requesting the authority, including the characteristics of the alleged offense, a description of the equipment used to commit the alleged offensive action and details of the offender, as much as this can be identified. The Court should adjudicate urgently such aforementioned petition. When the Court approves permission, and before taking any action according to the Court’s writ, the competent official shall submit a copy of the reasonable ground memorandum to show that an authorization under Section 18 (4), (5), (6), (7) and (8), must be employed against the owner or possessor of the computer system, as evidence thereof. If there is no owner of such computer thereby, the competent official should submit a copy of said memorandum as soon as possible. In order to take action under Section 18 (4), (5), (6), (7) and (8), the senior officer of the competent official shall submit a copy of the memorandum about the description and rationale of the operation to a Court with jurisdiction within forty eight (48) hours after the action has been taken as evidence thereof. When copying computer data under Section 18 (4), and given that it may be done only when there is a reasonable ground to believe that there is an offense against the Act, such action must not excessively interfere or obstruct the business operation of the computer data’s owner or possessor. Regarding seizure or attachment under Section 18 (8), a competent official must issue a letter of seizure or attachment to the person who owns or possesses that computer system as evidence. This is provided, however, that the seizure or attachment shall not last longer than thirty days. If seizure or attachment requires a longer time period, a petition shall be filed at a Court with jurisdiction for the extension of the seizure or attachment time period. The Court may allow only one or several time extensions, however altogether for no longer than sixty days. When that seizure or attachment is no longer necessary, or upon its expiry date, the competent official must immediately return the computer system that was seized or withdraw the attachment. The letter of seizure or attachment under paragraph five shall be in accordance with a Ministerial Regulation. |
|
มาตรา 20
ในกรณีที่ คณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง (4) ให้มีจำนวนห้าคนซึ่งสองในห้าคนต้องมาจากผู้แทนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง การยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานของพนักงานเจ้าหน้าที่ การไต่สวนคำร้อง และการทำคำสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง อาจกระทำได้ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของประธานศาลฎีกา ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลาย รัฐมนตรีอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ ระยะเวลาและแนวทางการปฏิบัติสำหรับการระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันภายใต้พัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป |
Section 20.
When The Computer Data Screening Committee appointed by the Minister according to paragraph one (4) shall be consisted of five members, two of whom shall come from relevant private sector. The filing of complaint and supporting evidence of the competent official, the review of the complaint and the issuance of the Court writ per paragraph one may be conducted through electronic means per the procedure and methods designated by the Minister and with approval from the President of the Supreme Court. When the Court issues a writ to suppress the dissemination The Minister may issue a procedural rule to specify the duration and guidelines for the service providers to suppress the dissemination or to remove the computer data, in order to make them consistent and in response to the development of technology. |
|
มาตรา 21
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม ขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่ง |
Section 21.
If a competent official found that any computer data contains undesirable set of instructions, the competent official may file a petition to the Court of jurisdiction to ask the Court to issue a writ to prohibit the sale or the dissemination of that computer data; or to instruct the person who owns or possesses that computer data to suspend the use, destroy, or correct the computer data; or to impose a condition with respect to the use, possession, or dissemination of the undesirable set of instructions. The undesirable set of instruction under paragraph one shall refer to a set of instruction which causes a computer data, a computer system, or other existing instruction sets to be damaged, destroyed, corrected, amended or appended, interrupted, failed to perform according to |
|
มาตรา 22
ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา 18 ให้แก่บุคคลใด ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาล พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 22.
A competent official shall not disclose or deliver computer data, computer traffic data or service users’ data acquired under Section 18 to any person. The provisions under paragraph one shall not apply to any actions performed for the benefit of lodging a lawsuit against a person who has committed an offense under this Act or for the benefit of lodging a lawsuit against a competent official on the grounds of their abuse of authority or for action taken according to a Court’s writ or permission. Any competent official who violates paragraph one must be subject to imprisonment for no longer than three years or a fine of not more than sixty thousand baht, or both. |
|
มาตรา 23
พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา 18 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 23.
Any competent official who commits an act of negligence that causes a third party to know of computer data, computer traffic data or a service user’s data acquired under Section 18 must be subject to imprisonment for no more than one year or a fine of not more than twenty thousand baht, or both. |
|
มาตรา 24
ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา 18 และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 24.
Any person knowing of computer data, computer traffic data or a service user’s data acquired by a competent official under Section 18 and disclosing it to any person shall be subject to imprisonment for no longer than two years or a fine of not more than forty thousand baht, or both. |
|
มาตรา 25
ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้หรือที่พนักงานสอบสวนได้มาตามมาตรา 18 วรรคสอง ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น |
Section 25.
Data, computer data, or computer traffic data that the competent official acquired under this Act or that the inquiry official acquired according to paragraph two of Section 18 shall be admissible as evidence under the provision of the Criminal Procedure Code or other relevant law related to witness examination, however, it must not have been obtained by way of influencing, promising, forcing, deceiving, or other wrongful ways. |
|
มาตรา 26
ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็น พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวันแต่ไม่เกิน ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการนับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท |
Section 26.
A service provider is obliged to retain computer traffic data for at least ninety days from the date on which the data is entered into a computer system. If necessary, a competent official may instruct a service provider to retain such computer traffic data for longer than ninety days but not exceeding The service provider must retain the necessary information of the service user in order to be able to identify the service user from the beginning of the service provision, and such information must be kept for a further period not exceeding ninety days after the service agreement has been terminated. The types of service provider to whom the provisions under paragraph one shall apply and the timing of this application shall be established by a Minister and published in the Government Gazette. A service provider who fails to comply with this Section must be subject to a fine of not more than five hundred thousand baht. |
|
มาตรา 27
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา 18 หรือมาตรา 20 หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง |
Section 27.
Any person fails to comply with the writ of Court or competent official under Section 18 or Section 20 or fails to comply with the Court’s writ under Section 21 shall be subject to a fine of not more than two hundred thousand baht and a further daily fine of not more than five thousand baht until the relevant corrective action has been taken. |
|
มาตรา 28
การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด ให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน และมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษดังกล่าว ในการกำหนดให้ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษต้องคำนึงถึงภาระหน้าที่ คุณภาพของงาน และการดำรงตนอยู่ในความยุติธรรมโดยเปรียบเทียบค่าตอบแทนของผู้ปฏิบัติงานอื่นในกระบวนการยุติธรรมด้วย ทั้งนี้ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงดิิจิทัลเพื่อเศรษฐกจิและสังคมโดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง |
Section 28.
Regarding the appointment of a competent official under this Act, the Minister shall appoint persons with knowledge of, and expertise in, computer systems and having the qualifications as required by the Minister. The person appointed as competent official shall be treated as a person holding the position based on a special circumstance per the civil service law and is therefore entitled to receive additional payment as a result of the special circumstance. The additional payment as a result of the special circumstance shall be determined based on the person’s duties, quality of service, and the impartial behavior and the payment shall be compatible to the remuneration of officials in the justice process. However, it shall also comply with the regulation of the Ministry of Digital for Economy and Society with approval from the Ministry of Finance. |
|
มาตรา 29
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐมนตรีมีอำนาจร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง |
Section 29.
In performance of the duties under this Act, the competent official appointed by the Minister shall be an administrative officer or a senior police officer under the Criminal Procedure Code competent to receive a petition or accusation and be authorized to investigate only on an offense under this Act. In arresting, controlling, searching, investigating, and filing a lawsuit against a person who commits an offense under this Act, and for what is within the authority of an administrative officer or a senior police officer, such competent officer shall coordinate with the relevant investigating officer in charge to take action within their authorized duties. The Prime Minister is in charge of the Royal Thai Police Headquarters and with a Minister shall have a joint authority to establish a regulation with respect to the means and action-related procedures under paragraph two. |
|
มาตรา 30
ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา |
Section 30.
In the performance of duties, a competent official must produce an identity card to a relevant person. The competent official identity card shall be as per the form required by a Minister and published in the Government Gazette. |
|
มาตรา 31
ค่าใช้จ่ายในเรื่องดังต่อไปนี้ รวมทั้งวิธีการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมโดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง |
Section 31.
The following expenses and their disbursement shall be made per the regulation of the Ministry of Digital for Economy and Society with approval from the Ministry of Finance. |
|
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายกรัฐมนตรี |
Countersigned Prime Minister |
|