2014.12.08 14:13
สืบเนื่องจากที่รัฐบาลชุดปัจจุบันมีแนวคิดที่จะขับเคลื่อน “เศรษฐกิจดิจิทัล” เครือข่ายพลเมืองเน็ตจึงชวนมารับฟังความคิดเห็นจากบุคคลในภาคธุรกิจ นายประวิตร ฉัตตะละดา กรรมการและผู้อำนวยการสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ (สัมภาษณ์เมื่อ 11 พ.ย. 2014)
ถาม: อะไรคือแนวคิดของเศรษฐกิจดิจิทัล และ ATCI เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง
เราใช้เวลาเยอะไปกับการถกเถียงถึงนิยามของเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ผมคิดว่ามันเสียเวลา ไม่ว่าจะใช้คำว่าอะไร พื้นหลังมันคือคุณใช้ข้อมูลมาทำประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน
ทุกคนจะพูดถึงเทคโนโลยี ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของข้อมูล เราสืบความคิดกลับไปที่ตัวข้อมูล เราจะเห็นพัฒนาการของการใช้ข้อมูล ตั้งแต่ยุคหิน มาถึงยุคข้อมูลข่าวสาร จำนวนข้อมูลมันเติบโตมากขึ้น มันระเบิดออกมา เมื่อมันเกิดสิ่งนี้ เราถึงฉลาด เราจึงคิดเทคโนโลยีได้ ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์ ทำให้เราทำอะไรได้ดีขึ้น เรียนรู้ได้มากขึ้น
ถ้ารัฐบาลจะให้เราใช้เทคโนโลยีอันนี้มากๆ จะตั้งชื่อว่าอะไรก็ได้ แต่ให้มันหมายความถึงการใช้ข้อมูลได้อย่างฉลาดขึ้น นี่คือมุมมองของผม ถ้าไม่มีข้อมูล เทคโนโลยีก็ไม่มีความหมาย เทคโนโลยีอย่าง Big Data นั้นช่วยให้เราจัดการกับข้อมูล แต่คนเราทำให้มีข้อมูลขึ้นมา
ผมมองว่าเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นการเอาข้อมูลมาใช้ให้สังคมเราโต ทำให้ชีวิตดีขึ้น เศรษฐกิจในที่นี้คือ การกินอยู่ของเรา ชีวิตของเรา
สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (Association of Thai ICT Industry – ATCI) (เดิมชื่อ “สมาคมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ไทย”) เป็นสมาคมทางด้านธุรกิจไอทีสมาคมแรกของประเทศไทย เพิ่งครบ 25 ปีไป ใกล้ชิดกับพัฒนาการด้านไอที มันเป็นธุรกิจของ ATCI อยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อมีแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลเข้ามา ทาง ATCI จึงพยายามนำเสนอความคิดให้กับรัฐบาล เป็นจังหวะที่ดีที่เราจะเร่งให้ประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเร็วขึ้น
เราต้องมาดูว่าปัญหาที่ทำให้การเดินหน้าไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นไปได้ช้าคืออะไร คำตอบก็คือ เพราะรัฐบาลมีข้อจำกัด รัฐบาลเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีกฎระเบียบต่างๆ มากมาย ไม่มีรัฐบาลที่ไหนดำเนินงานได้เร็ว ปัญหาที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลไทยคือความช้า คือการจัดการที่ไม่ดี และการใช้เทคโนโลยีไม่ถูกทาง
ถาม: กำลังจะมีการปรับโครงสร้างหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงไอซีที มองว่าโครงสร้างปัจจุบันของหน่วยงานเหล่านี้เป็นอย่างไร ทำไมถึงต้องปรับ
โครงสร้างมีความสำคัญ ทุกองค์กรต้องมีโครงสร้าง แต่โครงสร้างเป็นเพียงมิติเดียว คุณจะจัดโครงสร้างแบบไหนก็ได้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือความสามารถในการบริหารจัดการ คุณสามารถมีโครงสร้างที่ดีที่สุด แต่ล้มเหลว
ในที่สุด มันอยู่ที่ว่าคุณบริหารจัดการมันได้แค่ไหน คุณรับมือกับมันได้ไหม คุณมีข้อมูลเยอะกว่าคนอื่นหรือเปล่า คุณขยับได้ดีกว่าคนอื่นหรือเปล่า ปัญหาที่ทำให้คุณคิดปรับเปลี่ยนโครงสร้าง จริงๆ เป็นเพราะว่าคุณบริหารจัดการไม่เก่งหรือเปล่า
อย่างที่บอก ปัญหาของทางราชการไทยอยู่ที่ “ความเร็ว” เราไม่ได้แพ้คนอื่นทุกอย่าง ภาษาอังกฤษที่คนว่าเราไม่ดี คุณไปดูจีนหรือไต้หวัน ผมว่าภาษาเขาแย่กว่าเรา ทุกอย่างที่เราไม่ประสบความสำเร็จเป็นเพราะเราช้า เราเสียโอกาส
ที่ช้าเป็นเพราะเรามีการจัดการที่ไม่ดีและใช้เทคโนโลยีในทางที่ไม่ถูก เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เราก็ยังกลับไปทำงานโดยใช้วิธีแบบเดิมๆ เพียงแค่ทำได้มากขึ้น เราไม่ได้ปรับเปลี่ยนตัวเอง ไม่ได้ใช้วิธีใหม่ที่เทคโนโลยีทำมาให้ใช้ มันไม่คุ้มค่า
คุณต้องใช้มันในรูปแบบใหม่ เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานใหม่ ต้องหาสิ่งที่เป็น “transformative use”
สำหรับประเทศไทย เวลานั้นไม่มีขีดจำกัด เราถึงไม่มีความเร็ว สำหรับเรา “time is nothing” (เวลานั้นไม่มีความหมาย)
ถาม: จากข่าว ในการดำเนินยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล เห็นว่าควรจะมีหน่วยงานคล้ายๆ สภาพัฒน์หรือไม่ เพื่อวางกรอบการทำงานในระยะยาว ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาก็ต้องเดินตามกรอบนั้นอย่างต่อเนื่อง แต่อีกฝ่ายจะมองเรื่องการมีส่วนร่วม เพราะอย่างน้อยถ้าอยู่กับรัฐบาล ก็มีกลไกสภา
จริงว่าการเมืองจะทำให้เราสะดุด แต่เรื่องเหล่านี้มันสามารถเคลื่อนไปได้ด้วยตัวของมันเอง พวกนี้ไม่น่าเป็นห่วง โลกมันหมุน มันมีโมเมนตัมของมัน เวลาคุณทำโครงสร้างพื้นฐาน เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลโครงสร้างพวกนี้จะไม่เปลี่ยน
soft infrastructure (โครงสร้างพื้นฐานด้านกำกับดูแล-เศรษฐกิจ-สังคม-วัฒนธรรม) ของพวกโทรคมนาคม ไม่ได้ต้องการการลงทุนที่มากเท่ากับ hard infrastructure (โครงสร้างพื้นฐานเชิงกายภาพ) อย่างรถไฟ มันต้องมา ที่สำคัญอยู่ที่ว่าเราจะเริ่มเมื่อไร เริ่มได้เร็วแค่ไหน ในประเทศอย่างเกาหลีใต้ เวลาเขาวางโครงสร้างพื้นฐานเชิงกายภาพ เขาคิดพร้อมกันไปเลยทีเดียว
โครงสร้างพื้นฐานที่ว่านี้ไม่ใช่สำหรับเฉพาะเศรษฐกิจ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่รัฐบาลตอนนี้จะชูเศรษฐกิจ เพราะมันเป็นเรื่องจำเป็น แต่พรุ่งนี้คุณจะหยิบเรื่องความมั่นคงก็ได้ โครงสร้างพื้นฐานนี้ก็ต้องตอบโจทย์ แล้วแต่ว่าสถานการณ์ตอนนั้นโจทย์ไหนสำคัญ
ฟังก์ชันของไอทีได้ย้ายจากคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ๆ ที่อยู่ในห้องขององค์กรใหญ่ ไปอยู่ที่พีซี ตอนนี้พีซีก็กำลังจะหายไปแล้ว มาอยู่ในอุปกรณ์พกพา ไปอยู่ที่บ้านคุณ วิธีคิดของไอทีเปลี่ยนไปแล้ว รัฐบาลก็ต้องเปลี่ยน คุณจะยังทำวิธีเก่าด้วยเครื่องมือใหม่ไม่ได้ ต้องมีวิธีใหม่ด้วย
ถาม: โครงสร้างพื้นฐานส่วนไหนบ้างที่รัฐควรจะเป็นผู้ลงทุน
ผมคิดว่าในที่สุดตลาดโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นตลาดเปิด ในอีกไม่ช้าพวกองค์กรอย่างทีโอที แคท เทเลคอม จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทอย่างเอไอเอสหรือทรูได้ ตลาดมันจะเปิดขึ้นเรื่อยๆ
ถาม: ผู้ให้บริการสามเจ้าใหญ่ ทรู เอไอเอส ดีแทค สองในสามนี่เป็นเครือข่ายของบริษัทข้ามชาติไปแล้ว มันจะมีความมั่นคงหรือ
นี่เป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ แต่เมื่อเวลาผ่านไปปัญหานี้จะค่อยๆ แก้ไขตัวมันเอง มีหลายเรื่องที่บางครั้งเราไม่ชอบ เพียงเพราะเราไม่ชิน พอเราชินมันก็ไม่เป็นปัญหา อย่างเรื่องความเป็นเจ้าของในกิจการต่างๆ เมื่อก่อนก็จำกัดสัดส่วนต่างชาติ เดี๋ยวนี้ก็เปิด
นิสัยนั้นเปลี่ยนช้า แต่มันเปลี่ยน ทุกอย่างในโลกนั้นเกิดเร็วมาก และพอมันเกิดจะตามมาด้วยสิ่งที่ไม่คาดคิด ทีนี้มันอยู่กับวิธีมองโลกของคุณ
ถาม: ATCI เคยมีความคิดที่จะจัดตั้งสภาไอซีที อยากให้เล่าถึงความเป็นมา
ความคิดนี้เริ่มมาตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว เหตุผลหลักก็คือเนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่คนที่ควบคุมเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ใช่รัฐบาล แต่เป็นบริษัทเอกชนอย่างไอบีเอ็ม ไมโครซอฟท์ เอชพี บริษัทเหล่านี้เป็นคนคอยกำกับทิศทาง หรือตอนนี้เป็นกูเกิล เฟซบุ๊ก เปลี่ยนผู้เล่น แต่ก็ยังเป็นบริษัทเหล่านั้น
ถ้าอยากให้รัฐบาลทันกับความเปลี่ยนแปลง ก็ควรจะต้องมีใครคนหนึ่ง [ที่รู้ทิศทางเทคโนโลยี] ซึ่งในที่นี้ก็คือสมาคมต่างๆ ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลของกระแสความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น และเรียนให้รัฐบาลได้ทราบ เพื่อที่รัฐบาลจะได้มีข้อมูลในการบริหาร เป็นเหมือนที่ปรึกษาให้กับรัฐบาล รัฐบาลจะเลือกทำอะไรก็แล้วแต่เขา
นี่คือความคิดแรกเริ่ม แต่พอทำไปทำมากลายเป็นสมาคมวิชาชีพ เป็นเรื่องการออกใบรับรอง เมื่อทุกคนมองอย่างนั้นก็ไม่ตรงกับเป้าหมายของเรา ถ้าเราไปผลักดันก็ไม่ได้อย่างที่เคยคิด ก็ไปว่าใครไม่ได้ แต่ตอนนี้สภาอุตสาหกรรม ซึ่งเขามีฝ่ายอุตสาหกรรมไอที ก็รับเรื่องนี้ไป ซึ่งถ้าเขาจะทำก็ต้องมีฝ่ายวิจัย ถ้าผมช่วยอะไรได้ผมก็ยินดี
ถาม: ขอถามเกี่ยวกับร่างกฎหมายที่กำลังเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีฉบับไหนบ้างที่เห็นว่าน่าเป็นห่วงหรือน่าสนับสนุน โดยเฉพาะที่น่าจะเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัล อย่างร่างพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, ร่างพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย, ร่างพ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์, ร่างแก้ไขพ.ร.บ.ว่าด้วยอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ และการปรับปรุง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ บางมาตรา
ถ้าคุณถอยไป จริงๆ แล้วกฎหมายคอมพิวเตอร์ที่ว่าต่างๆ นี้ทางเนคเทคได้ทำมานานแล้ว เช่น อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ที่ออกมาแล้วและจะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ส่วนกฎหมายที่เหลือว่ามานั้นสำคัญและเร่งด่วนหมด แต่คิดว่าไม่ยาก เพราะมีคดีมีปัญหาเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ไปศึกษาเอา
แต่ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจดิจิทัล กฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ใช่แค่ที่เกี่ยวกับไอทีเท่านั้น ยังมีกฎหมายอื่นๆ อย่างกฎหมายเกี่ยวกับแรงงาน เกี่ยวกับการเข้าเมือง เกี่ยวกับการลงทุน ความเป็นเจ้าของธุรกิจ ฯลฯ
ทุกวันนี้คุณหลอกเขาทั้งนั้นเรื่องวีซ่าทำงาน ต้องบินเข้าบินออก เป็นภาระเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่บั่นทอนการทำธุรกิจ ถ้าจะมีการแก้ไขกฎหมาย ต้องแก้เรื่องพวกนี้ด้วย แต่ผมไม่ได้ยินเขาพูดถึงเลย
เอกชนประสบปัญหามาก เอกชนที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (เอสเอ็มอี) มีปัญหาเรื่องเปลี่ยนสกุลเงิน เรื่องเข้าถึงแหล่งเงิน ทุกวันนี้ต่างชาติต้องการมาในประเทศไทย เข้ามาทำเอสเอ็มอี เข้ามาเป็นสตาร์ตอัป (ธุรกิจตั้งใหม่) ต้องการเข้ามาเป็นวีซี (venture capital ธุรกิจเงินร่วมลงทุน) ไม่รู้จะทำอย่างไร
ถาม: เมื่อพูดถึง ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีภาคบริการส่วนหนึ่งคิดว่ากฎหมายนี้จะเป็นภาระกับการดำเนินธุรกิจ คุณประวิตรเห็นอย่างไร
ผมคิดว่าภาคไอทียังดันกันอยู่
ผมจะยกเล่าตัวอย่างหนึ่งให้ฟัง ตอนที่มีการจัดอันดับ Network Readiness Index (NRI) ซึ่งเป็นการจัดอันดับความพร้อมของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ (โดยองค์กร World Economic Forum) ในปี 2012 สิงคโปร์อยู่ลำดับที่สอง IDA (Infocomm Development Authority เป็นหน่วยงานดูแลนโยบายสารสนเทศของรัฐบาลสิงคโปร์) เลยวิ่งไปถามคณะผู้จัดทำ ว่าทำไมสิงคโปร์ไม่ได้เป็นที่หนึ่ง
เขามาพบกันทีหลังว่า เป็นเพราะประเทศสิงคโปร์ในตอนนั้นยังไม่มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผู้บริหารของ Internet Society ซึ่งตอนนั้นเป็นที่ปรึกษาให้ IDA ก็เอาเรื่องนี้มาถกเถียง คุณจะเห็นความเร็วหรือ “ความร้อนใจ” (urgency) ในการทำงานของเขา
เอกสารเพิ่มเติม
1.ข้อเสนอแนะในการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ของสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) ที่ร่างโดยนายประวิตร ฉัตตะละดา
2.ข้อเสนอแนะ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล” ของสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) ซึ่งมีข้อเสนอ 6 ข้อดังนี้
- ปฏิรูปภาครัฐให้เป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างแท้จริง
- ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยข้อมูลข่าวสาร
- ส่งเสริมให้มีการใช้ไอซีทีเพื่อพัฒนาภาคเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึง
- แนวทางการทำงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
- ประกาศให้มีนโยบาย Open Data ของชาติ
- โครงการนำร่องเพื่อสนับสนุนให้มีการใช้ข้อมูลและทำงานแบบดิจิทัล