2011.12.14 10:46
ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต่อนโยบายกำกับดูแลอินเทอร์เน็ต โดยโครงการ My Computer Law เผยผู้ใช้เน็ตเป็นห่วงเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความรุนแรงและอาจสร้างอันตรายต่อบุคคล ขณะที่ส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ควรบล็อคเว็บโป๊ โดยอาจใช้มาตรการอื่นแทน ส่วนเรื่องศีลธรรมอันดีและความมั่นคงของรัฐเป็นเนื้อหาประเภทสุดท้ายที่ประชาชนเห็นว่าควรปิดกั้น
ทั้งนี้ผลสำรวจในเรื่องการปิดกั้นเว็บดังกล่าว สอดคล้องกับข้อเสนอของเครือข่ายพลเมืองเน็ตที่ว่า เนื้อหาที่จำเป็นต้องระงับการเข้าถึงทันทีควรมีเฉพาะเนื้อหาที่ชัดเจนว่าสามารถทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตของบุคคลได้ ทั้งนี้เครือข่ายพลเมืองเน็ตยังย้ำจุดยืนว่า การบล็อคเว็บนั้นจะต้องใช้เพื่อเป็นมาตรการบรรเทาความเสียหายเป็นหลัก และการฟ้องหมิ่นประมาทนั้นจะต้องเป็นเรื่องระหว่างบุคคล จะฟ้องแทนกันไม่ได้ และต้องไม่ใช้มาตรา 14 (1) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการฟ้องหมิ่นประมาท เนื่องจากผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย อีกทั้งเป็นโทษอาญาแผ่นดินที่ยอมความไม่ได้
โครงการ My Computer Law เป็นโครงการเพื่อการเสนอร่างกฎหมายอินเทอร์เน็ตฉบับประชาชน โดยความร่วมมือของเครือข่ายพลเมืองเน็ต โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
เนื้อหาของแถลงผลสำรวจมีดังนี้:
โพลเผย คนเล่นเน็ตส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการบล็อกเว็บโป๊–เรื่องความมั่นคง
โพลกติกาในโลกออนไลน์ ของโครงการ My Computer Law ชี้ 63% บอกไม่ควรบล็อกเว็บโป๊ เห็นด้วยกับเซ็นเซอร์การหมิ่นประมาทมากกว่าเรื่องความมั่นคง ผลโพลเห็นชัดมนุษย์ออนไลน์-มนุษย์ออฟไลน์คิดเห็นต่างกัน
โครงการ My Computer Law โดยเครือข่ายพลเมืองเน็ต iLaw และแอมเนสตี้ประเทศไทย จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับประเด็นเสรีภาพบนอินเทอร์เน็ต เพื่อประมวลความคิดเห็นมาจัดทำร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฉบับภาคประชาชน โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 1,700 คน มาจากการตอบแบบสอบถามออนไลน์บนหน้าเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก 422 คน และมาจากกลุ่มตัวอย่างตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศจำนวน 1,278 คน ผลลัพธ์ของแบบสำรวจมีประเด็นที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น
1. กับคำถามที่ว่า ควรบล็อกเว็บโป๊หรือไม่ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63 เห็นว่าไม่ควรบล็อกขณะที่ ร้อยละ 37 เห็นว่าควรบล็อก โดยกลุ่มที่เห็นว่าไม่ควรบล็อกยังอาจแยกได้เป็นกลุ่มที่เห็นว่าไม่ควรบล็อกเลย โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 9.41 กับกลุ่มที่เห็นว่าไม่ควรบล็อกแต่ควรมีเงื่อนไขการเข้าชมอื่นๆ กำกับไว้ด้วย ทั้งนี้ หากจำแนกตามที่มาของแบบสำรวจจะพบว่า จากจำนวนทั้งหมดของผู้ที่ทำแบบสอบถามผ่านทางออนไลน์ซึ่งอายุเฉลี่ย 34 ปี เห็นว่าไม่ควรบล็อกเว็บโป๊ถึงร้อยละ 61 ขณะที่ผู้ทำแบบสอบถามจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งอายุเฉลี่ยประมาณ 22 ปีเห็นว่าไม่ควรบล็อกเว็บโป๊เพียงร้อยละ 39 เท่านั้น
2. กับคำถามที่ว่า เนื้อหาในลักษณะใดที่ควรถูกเซ็นเซอร์ในอินเทอร์เน็ต มีเพียงร้อยละ 31 เท่านั้นที่เห็นว่าข้อความที่ขัดต่อความมั่นคงของรัฐ และศีลธรรมอันดีของประชาชน ควรถูกเซ็นเซอร์ โดยข้อความที่กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าควรถูกเซ็นเซอร์มากที่สุด คือ ข้อความที่หมิ่นประมาทผู้อื่นให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง เป็น อยู่ที่ ร้อยละ 44 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างจากแบบสอบถามทางออนไลน์ร้อยละ 24 และกลุ่มตัวอย่างจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ร้อยละ 14 เห็นว่าไม่ควรเซ็นเซอร์เนื้อหาในอินเทอร์เน็ตเลย ควรปล่อยให้ประชาชนใช้วิจารณญาณเอง
3. กับคำถามที่ว่า การครอบครองโปรแกรมหรืออุปกรณ์ที่มีศักยภาพในการนำไปทำความผิดได้ ควรมีความผิดหรือไม่ ผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างออนไลน์และออฟไลน์มีความแตกต่างกันอย่างมาก กล่าวคือ กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามจากออนไลน์ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.8 เห็นว่าไม่ควรมีความผิด ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามจากออฟไลน์ร้อยละ 75 เห็นว่าควรมีความผิด
สามารถติดตามรายงานประมวลผลลัพธ์ที่ได้จากการทำแบบสอบถามทั้งหมด 6 ข้อ ได้ที่นี่ พร้อมกับความคิดเห็นประกอบจากผู้ตอบแบบสอบถามที่น่าสนใจ
หลังจากได้ผลลัพธ์จากการทำแบบสอบถามชุดนี้แล้ว โครงการ My Computer Law จะนำไปประมวลผลรวมกับความคิดเห็นจากแหล่งอื่นๆ เพื่อจัดทำร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่มาจากความคิดเห็นของภาคประชาชนต่อไป โดยผู้ที่สนใจยังสามารถเป็นหนึ่งในความคิดเห็นเพื่อการจัดทำร่างนี้ได้ ที่ https://www.facebook.com/MyComputerLaw
ดาวน์โหลด ผลการสําารวจทัศนคติของประชาชน ต่อแนวนโยบายอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย พ.ศ. 2554 โดย โครงการ My Computer Law (pdf)
Tags: My Computer Law