ศูนย์เฝ้าระวังภัยเทคโนโลยี เตือนเด็กปี 2552 เสี่ยงคลิปหลุด แอบถ่าย ไฮไฟว์ แชท และแชทไลน์ ตามเทรนด์การใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น แนะเด็กอย่าวางใจให้ข้อมูลส่วนตัวกับใครง่ายๆ อาจเปิดทางถูกล่อล่วง
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : รายงานข่าวจากศูนย์เฝ้าระวังภัยเทคโนโลยี (ไอที วอทช์) มูลนิธิกระจกเงา โดยการสนับสนุนของ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ ได้ประมวลแนวโน้มสถานการณ์ภัยเทคโนโลยีปี 2552 โดยมีเรื่องที่น่าจับตามอง ได้แก่ คลิปหลุดและคลิปแอบถ่าย ไฮไฟว์ แชท และแชทไลน์ เนื่องจากมีสถิติการใช้งานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ศูนย์เฝ้าระวังภัยเทคโนโลยี กล่าวย้ำเตือนเด็กๆ ในปี 2552 ว่า ต้องรู้จักระวังภัยเทคโนโลยีที่จะเข้าถึงตัว เพราะปัจจุบันการใช้อินเทอร์เน็ต บางครั้งก็ต้องระบุข้อมูลส่วนตัวลงไปด้วย อีกทั้งยังมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้คนอีกมากมาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ภัยเข้าถึงตัวเราได้ง่ายขึ้น ดังนั้นควรรู้จักระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัวและอย่าไว้วางใจใครง่ายๆ
ทางด้านผู้ใหญ่หรือองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็ควรร่วมกันหาแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาและเฝ้าระวังภัยทางเทคโนโลยีตั้ง แต่เนิ่นๆ และอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กตกเป็นเหยื่ออีก
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ต่างๆ ที่มีการให้บริการเกี่ยวกับคลิปหลุดและคลิปแอบถ่าย ควรระงับพื้นที่ดังกล่าวซึ่งมีเด็กตกเป็นเหยื่ออยู่รายหลาย เพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันเด็กปีนี้
จากข้อมูลปีที่ผ่านมา พบว่า "แอบถ่าย" เป็นคำที่ใช้ค้นหากว่า 4 ล้านครั้งต่อเดือน จากการเปิดเผยข้อมูลของทรูฮิต และมีแนวโน้มการค้นคำนี้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ การสำรวจ "พฤติกรรมและผลกระทบของการใช้อินเตอร์เน็ตจากกลุ่มเยาวชน" ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ พบว่าเด็กและเยาวชนกว่า 53.2% เคยดูสื่อลามกทางอินเทอร์เน็ต
รวมทั้งมีข้อมูลระบุว่า ปัจจุบันยังมีคลิปหลุดและคลิปแอบถ่ายอีกจำนวนมาก ที่ถูกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ต่างๆ กระทู้ในเว็บไซต์กว่า 3,000 กระทู้ที่โพสไว้ให้ดาวน์โหลด ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์กว่าแสนรายในแต่ละเดือน ผู้เสียหายบางส่วนที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอยังเป็นเด็ก
ขณะเดียวกัน ปีที่ผ่านมายังพบปัญหาในส่วนของแชท และแชทไลน์ ซึ่งจากสถิติของศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา พบว่า มีเด็กหายไปกว่า 12 ราย เป็นเพศหญิงทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ประมาณ 25% และมีอายุน้อยที่สุดเพียง 12 ปี
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากไฮไฟว์ ซึ่งปีที่ผ่านมาประเทศไทย ได้ให้ความนิยมเล่นเป็นอันดับ 2 ของโลก และติด 1 ในท็อป 5 ของเว็บไซต์ยอดนิยมของเด็กวัยรุ่น (สำรวจโดยเอแบคโพลล์) โดยช่วงอายุที่มีการเล่นมากที่สุดอยู่ระหว่าง 18-24 ปี
ทั้งนี้ ข้อมูลเมื่อเดือนมีนาคม 2551 ระบุว่า ไฮไฟว์ มีสมาชิกมากกว่า 1 ล้าน หรือเกือบ 10% จากจำนวนผู้เล่นอินเทอร์เน็ต 13.6 ล้านคน มียอดลงทะเบียนสมาชิก 8-9 พันคนต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นายเบรต ฟิงเคลสไตล์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายของ hi5.com ยังได้ให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยมีจำนวนสมาชิกมากเป็นอันดับ 12 ของโลก แต่มีอัตราการเติบโตสูงสุดติดอันดับท็อป 3
รายงานระบุด้วยว่า ส่วนปัญหาเด็กติดเกม ประเทศไทยเป็นแชมป์อันดับ 2 ของเอเชียในการเสพเกมออนไลน์ พบว่า เกมคอมพิวเตอร์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ใน 10 อันดับแรก ส่วนใหญ่เป็นเกมที่เน้นการใช้ความรุนแรง เช่น การยิง การต่อสู้ น้อยมากที่จะพบเกมที่ฝึกทักษะในการวางแผน หรือฝึกด้านทักษะชีวิต รวมไปถึงเกมที่ฝึกความชำนาญในอาชีพต่างๆ